ในวันที่ 10 กันยายน 2550 นักศึกษาคณะวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการความรู้ รุ่นที่ 1
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เข้าศึกษาดูงาน NOK PRECISION COMPONENT (THAILAND) LTD.
โดยได้รับความอนุเคราะห์จากผู้จัดการและทีมงาน ที่ได้ให้ความรู้และต้อนรับอย่างอบอุ่น และความเป็นกัน
เอง จากการศึกษาดูงานในครั้งนี้ทำให้ทีมคณะศึกษาดูงานได้เห็นรูปแบบการทำการจัดการความรู้ที่มีรูปแบบ
ที่ชัดเจนของ NOK ซึ่งจะใช้ระบบในการทำงานแทนคนที่จะช่วยในเรื่องของการประหยัดเวลาได้อย่างมาก
นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ให้ความสำคัญกับบุคลากร ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนขององค์กรทั้งใน
ส่วนของการจัดฉลองวันเกิดให้กับพนักงาน จัดให้พนักงานได้มีการพักผ่อนร่วมกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวก
ให้กับพนักงาน และที่สำคัญยังมีการสนับสนุนให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์ในการร่วมกันดูแลและพัฒนา
บริษัทให้น่าอยู่ สะดวกและประหยัดในการทำงาน เช่น การติดสัญลักษณ์รูปสัตว์ต่างๆ ที่บริเวณหลอดไฟ
แถวซ้ายใช้สัญลักษณ์รูปผีเสื้อ ซึ่งเมื่อเวลาที่มีคนมาเปิดก็สามารถเลือกเปิดได้ถูกต้อง ทำให้เกิดการประหยัด
ค่าไฟฟ้า มีการปลูกฝังให้พนักงานรู้จักการจดบันทึกแล้วบริษัทก็เอามาเก็บเป็นคลังข้อมูลของบริษัทเพื่อนำมา
เป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป
ขอขอบคุณผู้บริหารและพนักงาน NOK PRECISION COMPONENT (THAILAND) LTD.
ดร.อมรวรรณ ลิ้มสมมุติที่ได้เปิดโลกและโอกาสทางการศึกษาในการเข้าศึกษาดูงานในครั้งนี้
30 ตุลาคม 2550
การศึกษาดูงาน NOK PRECISION COMPONENT (THAILAND) LTD.
ในวันที่ 10 กันยายน 2550 นักศึกษาคณะวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการความรู้ รุ่นที่ 1
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เข้าศึกษาดูงาน NOK PRECISION COMPONENT (THAILAND) LTD.
โดยได้รับความอนุเคราะห์จากผู้จัดการและทีมงาน ที่ได้ให้ความรู้และต้อนรับอย่างอบอุ่น และความเป็นกัน
เอง จากการศึกษาดูงานในครั้งนี้ทำให้ทีมคณะศึกษาดูงานได้เห็นรูปแบบการทำการจัดการความรู้ที่มีรูปแบบ
ที่ชัดเจนของ NOK ซึ่งจะใช้ระบบในการทำงานแทนคนที่จะช่วยในเรื่องของการประหยัดเวลาได้อย่างมาก
นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ให้ความสำคัญกับบุคลากร ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนขององค์กรทั้งใน
ส่วนของการจัดฉลองวันเกิดให้กับพนักงาน จัดให้พนักงานได้มีการพักผ่อนร่วมกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวก
ให้กับพนักงาน และที่สำคัญยังมีการสนับสนุนให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์ในการร่วมกันดูแลและพัฒนา
บริษัทให้น่าอยู่ สะดวกและประหยัดในการทำงาน เช่น การติดสัญลักษณ์รูปสัตว์ต่างๆ ที่บริเวณหลอดไฟ
แถวซ้ายใช้สัญลักษณ์รูปผีเสื้อ ซึ่งเมื่อเวลาที่มีคนมาเปิดก็สามารถเลือกเปิดได้ถูกต้อง ทำให้เกิดการประหยัด
ค่าไฟฟ้า มีการปลูกฝังให้พนักงานรู้จักการจดบันทึกแล้วบริษัทก็เอามาเก็บเป็นคลังข้อมูลของบริษัทเพื่อนำมา
เป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป
ขอขอบคุณผู้บริหารและพนักงาน NOK PRECISION COMPONENT (THAILAND) LTD.
ดร.อมรวรรณ ลิ้มสมมุติที่ได้เปิดโลกและโอกาสทางการศึกษาในการเข้าศึกษาดูงานในครั้งนี้
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เข้าศึกษาดูงาน NOK PRECISION COMPONENT (THAILAND) LTD.
โดยได้รับความอนุเคราะห์จากผู้จัดการและทีมงาน ที่ได้ให้ความรู้และต้อนรับอย่างอบอุ่น และความเป็นกัน
เอง จากการศึกษาดูงานในครั้งนี้ทำให้ทีมคณะศึกษาดูงานได้เห็นรูปแบบการทำการจัดการความรู้ที่มีรูปแบบ
ที่ชัดเจนของ NOK ซึ่งจะใช้ระบบในการทำงานแทนคนที่จะช่วยในเรื่องของการประหยัดเวลาได้อย่างมาก
นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ให้ความสำคัญกับบุคลากร ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนขององค์กรทั้งใน
ส่วนของการจัดฉลองวันเกิดให้กับพนักงาน จัดให้พนักงานได้มีการพักผ่อนร่วมกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวก
ให้กับพนักงาน และที่สำคัญยังมีการสนับสนุนให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์ในการร่วมกันดูแลและพัฒนา
บริษัทให้น่าอยู่ สะดวกและประหยัดในการทำงาน เช่น การติดสัญลักษณ์รูปสัตว์ต่างๆ ที่บริเวณหลอดไฟ
แถวซ้ายใช้สัญลักษณ์รูปผีเสื้อ ซึ่งเมื่อเวลาที่มีคนมาเปิดก็สามารถเลือกเปิดได้ถูกต้อง ทำให้เกิดการประหยัด
ค่าไฟฟ้า มีการปลูกฝังให้พนักงานรู้จักการจดบันทึกแล้วบริษัทก็เอามาเก็บเป็นคลังข้อมูลของบริษัทเพื่อนำมา
เป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป
ขอขอบคุณผู้บริหารและพนักงาน NOK PRECISION COMPONENT (THAILAND) LTD.
ดร.อมรวรรณ ลิ้มสมมุติที่ได้เปิดโลกและโอกาสทางการศึกษาในการเข้าศึกษาดูงานในครั้งนี้
งานวิจัยภาษาอังกฤษ
An analysis of Knowledge Management in a development organization : A Case Study of
The Regional Office for Asia and the Pacific ,International Labour Organization
Apisra Anongkhanatrakul
A Dissertation Submitted in Partial Fulfillment of The Requirements for the Degree of
Doctor of Philosophy (Development Administration)
School of Public Administration National Institute of Development Administration
2004
Abstract
Knowledge Management is recognized as key management approach of the 21th century. The utilization of knowledge has become a key factor for the success of any organization. The context of knowledge management should be analyzed to generate the “know – how” , the way in which contingency factor affect knowledge management process especially for a development organization.
Research Questions
1. How dose the International Labor Organization, Regional Office Asia Pacific (ILO ROAL) manage organization knowledge?
2. What are the enablers and obstacles for the knowledge process in ILO ROAL?
3. How dose ILO ROAL manage its context to facilitate knowledge process?
Research Objectives
The research has the follow objective :
1. To understand the knowledge management approach of ILO ROAL.
2. To explore and identify the salient contextual elements that influence the knowledge processes of ILO ROAL
3. To study the relationships between the context, knowledge processes, and outcomes of knowledge management of ILO ROAL.
Model of Dynamic Knowledge Creation
The Regional Office for Asia and the Pacific ,International Labour Organization
Apisra Anongkhanatrakul
A Dissertation Submitted in Partial Fulfillment of The Requirements for the Degree of
Doctor of Philosophy (Development Administration)
School of Public Administration National Institute of Development Administration
2004
Abstract
Knowledge Management is recognized as key management approach of the 21th century. The utilization of knowledge has become a key factor for the success of any organization. The context of knowledge management should be analyzed to generate the “know – how” , the way in which contingency factor affect knowledge management process especially for a development organization.
Research Questions
1. How dose the International Labor Organization, Regional Office Asia Pacific (ILO ROAL) manage organization knowledge?
2. What are the enablers and obstacles for the knowledge process in ILO ROAL?
3. How dose ILO ROAL manage its context to facilitate knowledge process?
Research Objectives
The research has the follow objective :
1. To understand the knowledge management approach of ILO ROAL.
2. To explore and identify the salient contextual elements that influence the knowledge processes of ILO ROAL
3. To study the relationships between the context, knowledge processes, and outcomes of knowledge management of ILO ROAL.
Model of Dynamic Knowledge Creation
Conceptual Framework
Research result
The knowledge asset of ILO ROAP consist of tacit and explicit knowledge assets. The knowledge process include sharing tacit and explicit knowledge, creating concepts, justifying concepts, building an archetype, and cross leveling knowledge within organization and across inter-organization
There are relationship between contextual elements and knowledge management processes. The contextual elements consist of organizational strategy, organizational structure, organizational culture, and information and communication technology. Particularly, information and communication technology is a crucial factor enabling the cross-leveling knowledge process. Without adequate information technology, explicit knowledge cannot effectively be transmitted to other.
งานวิจัยภาษาไทย
การจัดการความรู้ขององค์กรชุมชนในชนบท
กรณีศึกษา ชุมชนสาคลี อำเภอเสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
วัฒนพร คชภูมิ
โครงการบัณฑิตศึกษาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
สถาบันบัณฑิตพัฒนศาสตร์ 2540
กรณีศึกษา ชุมชนสาคลี อำเภอเสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
วัฒนพร คชภูมิ
โครงการบัณฑิตศึกษาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
สถาบันบัณฑิตพัฒนศาสตร์ 2540
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
ประเทศไทยใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นแผนแม่บทในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของประเทศ แนวคิดหรือกระบวนทัศน์สำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศ นั้นก็คือการมุ่งสร้างความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ในช่วงที่ผ่านมาน่าจะทำให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ผลจากการพัฒนากลับกลายเป็นการขยายช่องว่างทางเศรษฐกิจ สังคม ระหว่างภาคเมืองกับภาคชนบท หรือแม้แต่คนในสังคมเมืองด้วยกัน จนกล่าวได้ว่า “ยิ่งพัฒนาคนจนยิ่งจนลง ในขณะที่คนรวยยิ่งรวยขึ้น” และยังส่งผลให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมเสื่อมโทรมลงต้องไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาความยากจน แต่ต้องปรับปรุงระบบต่างๆ ไปพร้อมกันด้วย
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาถึงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ขององค์กรชุมชนสาคลี ซึ่งสามารถพึ่งพาตนเองได้ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสามารถจัดการกับปัญหาของชุมชนที่เกิดจากการพัฒนาที่ไม่สมดุลของประเทศ รวมทั้งศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการจัดการการเรียนรู้ขององค์กร
ขอบเขตและวิธีการศึกษา
เป็นการศึกษาถึงการจัดการเรียนรู้ขององค์กรชุมชนสาคลี อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของชาวบ้านในชุมชนเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดจากการพัฒนาประเทศในช่วงที่ผ่านมาโดยจะทำการศึกษาการจัดการพัฒนาชุมชนในกรอบความคิดของการจัดการเรียนรู้ขององค์กรชุมชน ซึ่งมีวิธีการศึกษา คือ
ข้อมูลปฐมภูมิ จากการสัมภาษณ์เพื่อให้ทราบแนวทางการทำกิจกรรมกลุ่มของชุมชน
ข้อมูลทุติยภูมิ จากการศึกษาค้นคว้าตำรา
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้ทราบถึงรูปแบบที่เป็นไปได้ในการจัดการให้เกิดการเรียนรู้ในชุมชน
2. เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจนำแนวคิดนี้ไปศึกษาหรือนำไปปฏิบัติต่อไป
สมมุติฐานในการศึกษา
แนวโน้มทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ทำให้ชุมชนต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ การศึกษาครั้งนี้เชื่อว่า แนวทางในการปรับตัวที่สำคัญของชุมชน คือการสร้างกระบวนการเรียนรู้ในชุมชน ให้คนในชุมชนได้มีการพัฒนาตนเอง เพื่อให้เกิดทางเลือกในชีวิตอันหลากหลาย โดยผู้ศึกษามีแนวคิดพื้นฐานที่เชื่อว่า เป้าหมายสำคัญของการจัดกระบวนการการเรียนรู้ในชุมชนคือ การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ (Learning Community)
แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
1. แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ
2. แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาชนบทด้วยแนวทางการ พัฒนาชุมชน
3. แนวคิดเกี่ยวกับองค์กรชุมชน
4. แนวคิดเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ขององค์กรชุมชน
5. กรอบในการศึกษา
กรอบตัวชี้วัดความเข็มแข็งขององค์กรชุมชน : สีลาภรณ์ นาครทรรพ
1. มีการนำมิติด้านวัฒนธรรมมาผสมผสานในการทำกิจกรรม
2. มีประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อปัญหา
3. มีการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
4. มีการจัดกลุ่มในการทำกิจกรรมต่างๆ
5. มีผู้นำที่มีได้รับการยอมรับจากสมาชิกและชุมชน
6. มีการกระจายผลประโยชน์แก่สมาชิกอย่างยุติธรรม
7. ได้รับการยอมรับนับถือจากองค์กรภายนอก
8. มีการขยายผล ขยายกิจกรรม ขยายเครือข่าย
สรุปผลการศึกษา
การจัดการการเรียนรู้ขององค์กรชุมชนสาคลี
1. ด้านการนำมิติด้านวัฒนธรรมมาผสมผสานในการทำกิจกรรม
2. ด้านการมีประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อปัญหา
3. ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
4. ด้านการจัดกลุ่มในการทำกิจกรรมต่างๆ
5. ด้านผู้นำ
6. ด้านผลประโยชน์
7. ด้านการยอมรับนับถือจากองค์กรภายนอก
8. ด้านการขยายผล
2. มีประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อปัญหา
3. มีการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
4. มีการจัดกลุ่มในการทำกิจกรรมต่างๆ
5. มีผู้นำที่มีได้รับการยอมรับจากสมาชิกและชุมชน
6. มีการกระจายผลประโยชน์แก่สมาชิกอย่างยุติธรรม
7. ได้รับการยอมรับนับถือจากองค์กรภายนอก
8. มีการขยายผล ขยายกิจกรรม ขยายเครือข่าย
สรุปผลการศึกษา
การจัดการการเรียนรู้ขององค์กรชุมชนสาคลี
1. ด้านการนำมิติด้านวัฒนธรรมมาผสมผสานในการทำกิจกรรม
2. ด้านการมีประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อปัญหา
3. ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
4. ด้านการจัดกลุ่มในการทำกิจกรรมต่างๆ
5. ด้านผู้นำ
6. ด้านผลประโยชน์
7. ด้านการยอมรับนับถือจากองค์กรภายนอก
8. ด้านการขยายผล
บทสรุปและข้อเสนอแนะ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การจัดการเรียนรู้ในชนบทมีประสิทธิภาพ
1. องค์กรชุมชน
2. ผู้นำ
3. การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง
4. กิจกรรมพัฒนชุมชนที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น
5. กิจกรรมการเรียนรู้ที่นำมาใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ของชุมชน
6. การมีจิตสำนึกของความเป็นชุมชน
7. การได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรภายนอก
8. เงินทุนที่ใช้ในการพัฒนา
ข้อเสนอแนะ
1. สังคมชนบทเป็นสังคมที่ส่วนใหญ่เชื่อผู้นำ และเข้าใจว่างานพัฒนาชุมชนเป็นเรื่องของผู้นำ ดังนั้นการดำเนินงานแบบมีส่วนร่วมจะไม่ค่อยเกิด จึงควรเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง
2. ประชาชนในชุมชนไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ควรมีการฝึกปฏิบัติซ้ำๆ เช่นการประชุมกลุ่มย่อย
3. การรวมกลุ่มเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทน จะทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริงได้น้อย ต้องใช้เวลาและความอดทนและเสียสละ และยังต้องหาตัวอย่างความสำเร็จช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นสามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้จริง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)